นานาสัตว์ในสำนวนไทย
เริ่มที่ ควาย ปรากฎอยู่ในสำนวน
ฆ่าควายเสียดายพริกบางทีก็ว่า
ฆ่าควายเสียดายเกลือ
ที่มา : สำนวนนี้มาจากการล้มวัวล้มควาย (ฆ่าวัวฆ่าควาย) เพื่อนำเนื้อและอวัยวะต่างๆ ของมันมาทำอาหารเลี้ยงแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน เช่น งานบวช งานโกนจุก งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ เจ้าภาพหรือเจ้าของงานอุตส่าห์ลงทุนลงแรงล้มวัวล้มควายเพื่อนำเนื้อของมันมา ทำอาหารเลี้ยงแขกเหรื่อ ถ้ามัวแต่เสียดายเครื่องปรุงรสอย่างพริกและเกลือเสียแล้ว อาหารที่ทำก็คงมีรสชาติไม่อร่อย สำนวนว่า ฆ่าควายเสียดายพริก หรือ ฆ่าควายเสียดายเกลือ
ความหมาย : ทำงานใหญ่โตหรือจัดงานใหญ่โต ถ้ามัวแต่ตระหนี่ถี่เหนียวกลัวหมดเปลืองหรือเสียดายเงินก็จะทำให้งานเกิดความเสียหายได้
*******************************************************************
ส่วน กระต่าย ปรากฎอยู่ในสำนวน
กระต่ายตื่นตูม
และ กระต่ายหมายจันทร์ ที่มา : สำนวนนี้มาจากการล้มวัวล้มควาย (ฆ่าวัวฆ่าควาย) เพื่อนำเนื้อและอวัยวะต่างๆ ของมันมาทำอาหารเลี้ยงแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน เช่น งานบวช งานโกนจุก งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ เจ้าภาพหรือเจ้าของงานอุตส่าห์ลงทุนลงแรงล้มวัวล้มควายเพื่อนำเนื้อของมันมา ทำอาหารเลี้ยงแขกเหรื่อ ถ้ามัวแต่เสียดายเครื่องปรุงรสอย่างพริกและเกลือเสียแล้ว อาหารที่ทำก็คงมีรสชาติไม่อร่อย สำนวนว่า ฆ่าควายเสียดายพริก หรือ ฆ่าควายเสียดายเกลือ
ความหมาย : ทำงานใหญ่โตหรือจัดงานใหญ่โต ถ้ามัวแต่ตระหนี่ถี่เหนียวกลัวหมดเปลืองหรือเสียดายเงินก็จะทำให้งานเกิดความเสียหายได้
*******************************************************************
ที่มาของสำนวนกระต่ายตื่นตูม : มีที่มาจากนิทานที่เล่ากันต่อๆ มา ชาวกรมประชาสัมพันธ์คงจำนิทานเรื่องนี้ได้ เรื่องมีอยู่ว่า กระต่ายนอนหลับอยู่ใต้ต้นตาล ลูกตาลหล่นจากต้นลงมาที่พื้นดินเสียงดังตูมกระต่ายตกใจตื่นและออกวิ่งสุด ชีวิตเพราะคิดว่าฟ้าถล่ม คนโบราณจึงนำสำนวนว่า กระต่ายตื่นตูม มาเปรียบเทียบกับคนที่ตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม เช่น ถ้าเราได้ยินข่าวรือว่าจะเกิดสงครามโลกบ้าง น้ำมันจะหมดโลกบ้าง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนหวาดกลัววิตกกังวลเกินเหตุตระหนกตกใจกับสิ่งที่ยัง มาไม่ถึงเปรียบได้กับพฤติกรรมของกระต่ายในนิทาน
ความหมาย : สำนวนกระต่ายตื่นตูมนี้ จึงใช้ในความหมายเชิงตำหนิ คนที่หวาดกลัว วิตกกงวลกับเหตุการณ์หรือเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
ที่มาของกระต่ายหมายจันทร์ : กระต่ายปรากฎตัวอยู่ในอีกสำนวนหนึ่ง คือ สำนวน กระต่ายหมายจันทร์ ธรรมชาติของกระต่ายชอบหากินตอนกลางคืน ส่วนกลางวันจะนอนเล่นตามร่มไม้ เพราะเหตุที่กระต่ายชอบหากินตอนกลางคืนนี้เอง ก็เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า มันชอบแสงจันทร์ชอบแหงนดูพระจันทร์ จึงนำเอาพฤติกรรมของกระต่ายมาเปรียบกับผู้ชายว่าเหมือนกระต่ายที่มีฐานะต่ำ ต้อยอยู่บนพื้นดิน หมายปองผู้หญิงซึ่งเปรียบเหมือนพระจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้ามีฐานะสูงไม่มีวัน ที่ผู้ชายต่ำต้อยจะสมหวังกับผู้หญิงสูงศักดิ์ได้
ความหมาย : สำนวนกระต่ายหมายจันทร์ ใช้เปรียบคู่รักชายหญิงที่ไม่คู่ควรกัน ฝ่ายชายต่ำต้อยกับฝ่ายหญิงสูงศักดิ์ ซึ่งคล้ายกับสำนวนดอกฟ้ากับหมาวัด
******************************************************************
กระรอก ปรากฎตัวในสำนวน ไม่เห็นน้ำตัดกระบอก
ไม่เห็นกระรอกโก่งหน้าไม้
ที่มา : ชีวิต ความเป็นอยู่ของคนเดินป่าหรือพวกนายพรานนั้น เมื่อจะออกเดินป่าก็ต้องตัดไม้ไผ่มาทำกระบอกน้ำติดตัวเวลาเดินทางและต้องนำ หน้าไม้ติดตัวไปด้วย (หน้าไม้ เป็นเครื่องยิงชนิดหนึ่ง มีคันและราง ยิงด้วยลูกหน้าไม้) แต่คนเดินป่าหรือนายพรานบางคนก็ไม่ชอบตัดไม้ไผ่ทำกระบอกน้ำติดตัวไป แต่จะไปหาเองข้างหน้าระหว่างเดินทาง จะเอาเฉพาะหน้าไม้ติดตัวไปเท่านั้น เมื่อพบแหล่งน้ำแล้วจึงค่อยตัดไม้ไผ่มาทำกระบอกน้ำ ถ้ายังไม่พบแหล่งน้ำยังไม่ตัดไม้ไผ่มาทำกระบอกซึ่งอาจจะเหนื่อยเปล่าเพราะ ไม่มีแหล่งน้ำก็ได้ เช่นเดียวกับการโก่งหน้าไม้ที่ยังไม่เห็นกระรอกให้ยิง การโก่งหน้าไม้ก็เสียเวลาเปล่า
ความหมาย : รีบทำไปทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม หรือยังไม่ถึงเวลาที่สมควร
****************************************************************
ที่มา : ชีวิต ความเป็นอยู่ของคนเดินป่าหรือพวกนายพรานนั้น เมื่อจะออกเดินป่าก็ต้องตัดไม้ไผ่มาทำกระบอกน้ำติดตัวเวลาเดินทางและต้องนำ หน้าไม้ติดตัวไปด้วย (หน้าไม้ เป็นเครื่องยิงชนิดหนึ่ง มีคันและราง ยิงด้วยลูกหน้าไม้) แต่คนเดินป่าหรือนายพรานบางคนก็ไม่ชอบตัดไม้ไผ่ทำกระบอกน้ำติดตัวไป แต่จะไปหาเองข้างหน้าระหว่างเดินทาง จะเอาเฉพาะหน้าไม้ติดตัวไปเท่านั้น เมื่อพบแหล่งน้ำแล้วจึงค่อยตัดไม้ไผ่มาทำกระบอกน้ำ ถ้ายังไม่พบแหล่งน้ำยังไม่ตัดไม้ไผ่มาทำกระบอกซึ่งอาจจะเหนื่อยเปล่าเพราะ ไม่มีแหล่งน้ำก็ได้ เช่นเดียวกับการโก่งหน้าไม้ที่ยังไม่เห็นกระรอกให้ยิง การโก่งหน้าไม้ก็เสียเวลาเปล่า
ความหมาย : รีบทำไปทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม หรือยังไม่ถึงเวลาที่สมควร
****************************************************************
เต่าและตุ่น ที่อยู่ในสำนวน โง่เง่าเต่าตุ่น
ที่มา : เต่า เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำลักษณะเด่น คือ มีกระดอง ซึ่งเป็นสัตว์ที่รู้จักกันดี ส่วนตุ่น เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รูปร่างคล้ายหนูตะเภา ขุดรูเป็นที่อยู่อาศัย
ความหมาย : คนโง่คนเซ่อ นอกจากควาย กระต่าย กระรอก เต่า และตุ่นแล้ว
********************************************************************
ที่มา : เต่า เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำลักษณะเด่น คือ มีกระดอง ซึ่งเป็นสัตว์ที่รู้จักกันดี ส่วนตุ่น เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รูปร่างคล้ายหนูตะเภา ขุดรูเป็นที่อยู่อาศัย
ความหมาย : คนโง่คนเซ่อ นอกจากควาย กระต่าย กระรอก เต่า และตุ่นแล้ว
********************************************************************
“ช้าง”
สัตว์ที่มีบุญคุณและมีประโยชน์กับชาติไทยมาแต่โบราณ ช้างปรากฏตัวอยู่ในสำนวนไทยหลายสำนวน
เช่น ขี่ช้างจับตั๊กแตน เลี้ยงช้างกินขี้ช้าง ดูช้างให้ดูหน้าหนาว
ดูสาวให้ดูหน้าร้อน ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด ฆ่าช้างเอางา ฯลฯ ลองอ่านกันไปทีละสำนวนเชื่อว่าคงให้มุมมองแง่คิดกับชาวกรมประชาสัมพันธ์ได้
ไม่น้อย
>>> ขี่ช้างจับตั๊กแตน
ที่มา : มองเห็นความแตกต่างระหว่างช้างกับตั๊กแตนได้ชัดเจน ตั๊กแตนเป็นแมลงตัวเล็กจับยาก ถ้าจะจับต้องใช้สวิงขนาดเล็กผูกกับไม้ปลายยาว ไล่ครอบจึงจะจับได้ ถ้าใช้มือไม่มีทางที่จะจับได้ เพราะตั๊กแตนบินไปได้ไกลๆ และรวดเร็วมาก ส่วนช้างเป็นสัตว์ตัวใหญ่เทียบไม่ได้กับแมลงอย่างตั๊กแตน และถ้าเราต้องขี่ช้างไปจับตั๊กแตน จะสมควรแล้วหรือ เป็นเรื่องที่ต้องลงทุนลงแรงกันถึงขนาดนั้นเชียวหรือ
ความหมาย: สิ่งที่เราทำใหญ่โตเกินความจำเป็นหรือเกินกว่าเหตุ ใช้เปรียบเทียบเพื่อชี้ให้เห็นว่า การลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ใหญ่โต แต่ไดผลประโยชน์หรือผลตอบแทนพียงนิดเดียวนั้น ไม่คุ้มค่า ไมสมควรที่จะทำ
****************************************************************************
>>> เลี้ยงช้างกินขี้ช้าง
ที่มา : คน เลี้ยงช้างของหลวงในสมัยโบราณที่เรียกว่า ตะพุ่น คือ คนเกี่ยวหญ้ามาให้ช้างกิน โดยเมื่อเกี่ยวหญ้าแล้วก็จะนำมาวางกองไว้ห่างๆ ไม่ให้ช้างเอางวงตวัดหญ้ากินเองได้ เมื่อช้างหิวก็ส่งเสียงร้องและฟวดงวงไปมา คนที่เดินผ่านมาก็เกิดความสงสัยถามว่าทำไมถึงไม่เอาหญ้าให้ช้างกิน คนเลี้ยงก็ตอบว่าถ้าอยากให้ช้างกินหญ้าก็ช่วยซื้อหญ้าให้ช้างกินหน่อยเถอะ ด้วยความสงสารคนที่เห็นดังนั้นก็เลยต้องซื้อหญ้าให้ช้างกิน คนเลี้ยงช้างก็เลยได้เงินค่าหญ้าไปฟรีๆ สำนวนเลี้ยงช้างกินขี้ช้างจึงหมายถึง หาประโยชน์จากงานที่ตนเองทำอยู่
ความหมาย : ใช้เปรียบเทียบคนที่ทำงานชนิดใดแล้วพลอยมีส่วนได้ประโยชน์จากงานนั้น แต่เป็นประโยชน์ที่ไม่ถูกต้องไม่บริสุทธิ์
***********************************************************************
>>> ดูช้างให้ดูหน้าหนาว ดูสาวให้ดูหน้าร้อน
ที่มา : คน โบราณให้ดูช้างหน้าหนาวก็เพราะว่า หน้าหนาวเป็นเวลาที่ช้างตกมัน จะเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นดุร้ายอาละวาดคนที่เลี้ยงช้างเป็นเจ้าของช้างก็จะรู้ ว่าช้างตัวไหนมีพละกำลังมากในการชักลากซุง ส่วนในหน้าร้อน หญิงสาวมักแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น ทำให้เห็นรูปร่างสัดส่วนผิวพรรณที่สวยงาม ชายหนุ่มจึงชอบดูหญิงสาวในหน้าร้อนนี่เอง
ความหมาย : สำนวนนี้เป็นคำกล่าวแนะนำให้สังเกตลักษณะของช้างและหญิงสาวที่เป็นไปตามธรรมชาติและสภาวะอากาศ
******************************************************************
>>> ขี่ช้างจับตั๊กแตน
ที่มา : มองเห็นความแตกต่างระหว่างช้างกับตั๊กแตนได้ชัดเจน ตั๊กแตนเป็นแมลงตัวเล็กจับยาก ถ้าจะจับต้องใช้สวิงขนาดเล็กผูกกับไม้ปลายยาว ไล่ครอบจึงจะจับได้ ถ้าใช้มือไม่มีทางที่จะจับได้ เพราะตั๊กแตนบินไปได้ไกลๆ และรวดเร็วมาก ส่วนช้างเป็นสัตว์ตัวใหญ่เทียบไม่ได้กับแมลงอย่างตั๊กแตน และถ้าเราต้องขี่ช้างไปจับตั๊กแตน จะสมควรแล้วหรือ เป็นเรื่องที่ต้องลงทุนลงแรงกันถึงขนาดนั้นเชียวหรือ
ความหมาย: สิ่งที่เราทำใหญ่โตเกินความจำเป็นหรือเกินกว่าเหตุ ใช้เปรียบเทียบเพื่อชี้ให้เห็นว่า การลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ใหญ่โต แต่ไดผลประโยชน์หรือผลตอบแทนพียงนิดเดียวนั้น ไม่คุ้มค่า ไมสมควรที่จะทำ
****************************************************************************
>>> เลี้ยงช้างกินขี้ช้าง
ที่มา : คน เลี้ยงช้างของหลวงในสมัยโบราณที่เรียกว่า ตะพุ่น คือ คนเกี่ยวหญ้ามาให้ช้างกิน โดยเมื่อเกี่ยวหญ้าแล้วก็จะนำมาวางกองไว้ห่างๆ ไม่ให้ช้างเอางวงตวัดหญ้ากินเองได้ เมื่อช้างหิวก็ส่งเสียงร้องและฟวดงวงไปมา คนที่เดินผ่านมาก็เกิดความสงสัยถามว่าทำไมถึงไม่เอาหญ้าให้ช้างกิน คนเลี้ยงก็ตอบว่าถ้าอยากให้ช้างกินหญ้าก็ช่วยซื้อหญ้าให้ช้างกินหน่อยเถอะ ด้วยความสงสารคนที่เห็นดังนั้นก็เลยต้องซื้อหญ้าให้ช้างกิน คนเลี้ยงช้างก็เลยได้เงินค่าหญ้าไปฟรีๆ สำนวนเลี้ยงช้างกินขี้ช้างจึงหมายถึง หาประโยชน์จากงานที่ตนเองทำอยู่
ความหมาย : ใช้เปรียบเทียบคนที่ทำงานชนิดใดแล้วพลอยมีส่วนได้ประโยชน์จากงานนั้น แต่เป็นประโยชน์ที่ไม่ถูกต้องไม่บริสุทธิ์
***********************************************************************
>>> ดูช้างให้ดูหน้าหนาว ดูสาวให้ดูหน้าร้อน
ที่มา : คน โบราณให้ดูช้างหน้าหนาวก็เพราะว่า หน้าหนาวเป็นเวลาที่ช้างตกมัน จะเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นดุร้ายอาละวาดคนที่เลี้ยงช้างเป็นเจ้าของช้างก็จะรู้ ว่าช้างตัวไหนมีพละกำลังมากในการชักลากซุง ส่วนในหน้าร้อน หญิงสาวมักแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น ทำให้เห็นรูปร่างสัดส่วนผิวพรรณที่สวยงาม ชายหนุ่มจึงชอบดูหญิงสาวในหน้าร้อนนี่เอง
ความหมาย : สำนวนนี้เป็นคำกล่าวแนะนำให้สังเกตลักษณะของช้างและหญิงสาวที่เป็นไปตามธรรมชาติและสภาวะอากาศ
******************************************************************
>>>
ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด
ที่มา : ช้างนั้นตัวใหญ่มากเมื่อเทียบกับใบบัว ใบบัวจะปิดช้างทั้งตัวได้อย่างไร เช่นเดียวกับความชั่วที่พยายามกลบเกลื่อนปกปิด ไม่สามารถปิดมิด ความจริงย่อมปรากฏออกมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ความหมาย : สำนวนนี้ใช้เปรียบเทียบกับคนที่ไม่ยอมสารภาพรับผิด พยายามกลบเกลื่อนปิดบัง
********************************************************************
ที่มา : ช้างนั้นตัวใหญ่มากเมื่อเทียบกับใบบัว ใบบัวจะปิดช้างทั้งตัวได้อย่างไร เช่นเดียวกับความชั่วที่พยายามกลบเกลื่อนปกปิด ไม่สามารถปิดมิด ความจริงย่อมปรากฏออกมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ความหมาย : สำนวนนี้ใช้เปรียบเทียบกับคนที่ไม่ยอมสารภาพรับผิด พยายามกลบเกลื่อนปิดบัง
********************************************************************
>>> ปิดท้ายสำนวน ฆ่าช้างเอางา
ที่มา :
ช้าง
เป็นสัตว์ที่มีคุณประโยชน์มาก ทั้งลากซุง ทั้งเป็นยานพาหนะ ช้างไม่ได้มีประโยชน์ด้านแรงงานเท่านั้น
แต่ช้างยังเป็นสัตว์ที่มีความสวยงามโดยเฉพาะงา เชื่อกันว่างาช้างเป็ของมงคล ทำให้คนอยากไดไว้ครอบครอง
แต่การจะได้งาช้างนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยต้องล้มช้าง (ฆ่าช้าง) เสียก่อนจึงจะเอางามาได้
เป็นการทำลายสิ่งใหญ่โต (คือช้างทั้งตัว) เพื่อแลกกับสิ่งเล็กน้อย (คือ
งาเพียงคู่เดียว) โดยไม่คำนึงว่าสมควรหรือไม่
ความหมาย : สำนวนนี้ใช้เตือนสติให้เห็นถึงความสำคัญของสิ่งที่จะได้มา โดยต้องทำลายสิ่งที่มีค่ามากมายไป เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่า
********************************************************************
ความหมาย : สำนวนนี้ใช้เตือนสติให้เห็นถึงความสำคัญของสิ่งที่จะได้มา โดยต้องทำลายสิ่งที่มีค่ามากมายไป เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่า
********************************************************************
ที่มา : ทั้งเสือและจระเข้เป็นสัตว์ทีทำอันตรายมนุษย์ทั้งคู่
ความหมาย : หนีอันตรายอย่างหนึ่งแล้วต้องพบกับอันตรายอีกอย่างหนึ่ง
******************************************************************
>>> อีกสำนวนหนึ่งที่กล่าวถึงจระเข้ คือ “สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ”
ที่มา : จระเข้นั้นเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ คืออยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบกจึงไม่จำเป็นตรงไปสอนในสิ่งที่จระเข้เก่งและชำนาญอยู่แล้ว
ความหมาย : สอนในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วชำนาญอยู่แล้ว
*************************************************************
ที่มา : ใน สมัยก่อน แม่น้ำลำคลองยังมีจระเข้ชุกชุม ถ้าชาวบ้านพายเรือไปในคลองแล้วพบจระเข้นอนขวางอยู่ก็จำเป็นต้องหยุดเรืออยู่ ตรงนั้น พายเรือต่อไปไม่ได้
ความหมาย : มีอุปสรรคมีสิ่งกีดขวางการทำงาน ใช้กล่าวตำหนิผู้ที่ชอบกันท่าผู้อื่นไม่ให้ทำงานทำการได้โดยสะดวก
**********************************************************************
แมวปรากฏตัวอยู่ในสำนวนไทยหลายสำนวน เช่น
ย้อมแมวขาย ที่เท่าแมวดิ้นตาย ปิดประตูตีแมว ชื่อเป็น (เหมือน) แมวนอนหวด ฝากเนื้อไว้กับเสือ
ฝากปลา (ย่าง) ไว้กับแมว หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว ฯลฯ
>>>
เริ่มกันที่สำนวนแรก “ย้อมแมวขาย” ที่มา : สำนวนนี้น่าจะมาจากการเลี้ยงแมวของคนไทย เจ้าของแมวอาจจะเห็นว่าแมวของตนมีสีขนไม่สวย แมวมีลักษณะไม่ดี เจ้าของก็เลยนำแมวมาตกแต่งย้อมสี ให้เห็นว่า แมววของตนมีสีสันสวยงาม สำนวนย้อมแมวขาย
ความหมาย : ตกแต่ง สิ่งที่ไม่ดี ไม่สวยงาม โดยมีเจตนาให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นของดี ส่วนใหญ่มักใช้พูดประชดประชันเสียดสีสาวงามที่ขึ้นประกวดเวทีต่างๆ ที่มักถูกปรับปรุงรูปโฉมให้สวยงามหลอกสายตาขณะกรรมการตัดสินการประกวด ยิ่งไปกว่านั้นสาวงามบางคนอาจจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์
*************************************************************
>>> ถัดมาคือสำนวน “ที่เท่าแมวดิ้นตาย”
ที่มา : สำนวนนี้มาจากนิทานพื้นบ้านเรื่อง ศรีธนญชัย เรื่องก็คือว่า
ศรีธนญชัยทูลขอที่ดินจากพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินเห็นว่าเป็นที่ดินไม่มากมีขนาดเล็กเท่าแมวดิ้นตายคงมีขนาด
เล็กแค่ตารางวาเดียว ก็ตกลงตกปากรับคำว่าจะยกที่ดินให้ แต่ศรีธนญชัยเจ้าปัญญา
(ผสมกับเจ้าเล่ห์) เอาแมวตัวหนึ่งมาผูกเชือกไว้ แล้วใช้ไม่เฆี่ยนตีแมวให้ดิ้นไปเรื่อยๆ
จนแมวตาย แมวดิ้นไปกว่าจะตายก็บริเวณกว้างมาก ศรีธนญชัยก็เลยได้ที่ดินมากมาย
ความหมาย : ที่ดิน เพียงเล็กน้อยจริงๆ แต่ที่ดินเท่าแมวดิ้นตายตามอุบายของศรีธนญชัยกลับกลายเป็นเรื่องตรงกันข้าม สำนวนที่เท่าแมวดิ้นตายใช้เปรียบเทียบว่าเป็นเจ้าของที่ดินเพียงผืนเล็กๆ เท่านั้น
***************************************************************
ความหมาย : ที่ดิน เพียงเล็กน้อยจริงๆ แต่ที่ดินเท่าแมวดิ้นตายตามอุบายของศรีธนญชัยกลับกลายเป็นเรื่องตรงกันข้าม สำนวนที่เท่าแมวดิ้นตายใช้เปรียบเทียบว่าเป็นเจ้าของที่ดินเพียงผืนเล็กๆ เท่านั้น
***************************************************************
>>> สำนวนต่อมาคือสำนวน “ปิดประตูตีแมว”
ที่มา : อย่างที่บอกไว้แล้วว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงของคนไทยที่นิยมเลี้ยงไว้ตามบ้านเหมือนสุนัข บ้านของอักษราเองที่ต่างจังหวัดก็เคยเลี้ยงแมวบางวันก็เห็นมันหายไปไม่มา เดินให้เห็น แม่ของอักษราเคยบ่นว่า มันชอบหนีเที่ยว คงจะเข้าไปในบ้านคนอื่นในละเวกนั้น แมวที่เข้าไปเร่ร่อนในบ้านคนอื่นนั้นคงทำความรำคาญให้เจ้าของบ้านอยู่ไม่ น้อย ไล่มันแล้วเจ้าเหมียวก็ไม่ค่อยยอมจะไป อาจจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาด คือปิดประตูไล่ตีให้มันเข็ดหลาบ จะได้ไม่กล้าเข้ามาในบ้านอีก
ความหมาย : รังแกหรือทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้และไม่มีทางหนีรอดไปได้
****************************************************************
ที่มา : อย่างที่บอกไว้แล้วว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงของคนไทยที่นิยมเลี้ยงไว้ตามบ้านเหมือนสุนัข บ้านของอักษราเองที่ต่างจังหวัดก็เคยเลี้ยงแมวบางวันก็เห็นมันหายไปไม่มา เดินให้เห็น แม่ของอักษราเคยบ่นว่า มันชอบหนีเที่ยว คงจะเข้าไปในบ้านคนอื่นในละเวกนั้น แมวที่เข้าไปเร่ร่อนในบ้านคนอื่นนั้นคงทำความรำคาญให้เจ้าของบ้านอยู่ไม่ น้อย ไล่มันแล้วเจ้าเหมียวก็ไม่ค่อยยอมจะไป อาจจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาด คือปิดประตูไล่ตีให้มันเข็ดหลาบ จะได้ไม่กล้าเข้ามาในบ้านอีก
ความหมาย : รังแกหรือทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้และไม่มีทางหนีรอดไปได้
****************************************************************
>>> ส่วนสำนวนนี้ “ซื่อเหมือนแมวนอนหวด”
ที่มา : คงรู้จักภาชนะที่เรียกว่า “หวด” ที่ใช้สำหรับนึ่งข้าวเหนียวของชาวอีสาน สำนวนนี้เกิดจากอาการของแมวที่ลงไปนอนในหวดนึ่งข้าวเหนียวซึ่งมีลักษณะโค้ง งอ เวลาแมวลงไปนอนในหวดแล้วแมวต้องนอนงอตัวให้โค้งไปตามรูปร่างของหวด มองดูเผินๆ เหมือนว่าแมวนอนสบาย แต่จริงๆ แล้วแมวนอนในหวดอย่างลำบาก แต่แกล้งทำให้ดูเหมือนว่านอนสบาย
ความหมาย : แกล้ง ทำเป็นซื่อ จริงใจ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ซื่อใช้เปรียบเปรยประชดประชันคนที่แกล้งทำเป็นคนซื่อตรง แต่ความจริงแล้วไม่ได้ซื่อเหมือนอย่างที่มองเห็นเลย ใครมีลักษณะแบบนี้คงคบหาสมาคมด้วยไม่ได้ เพราะขาดความจริงใจ
***************************************************************
>>> อีกสำนวนหนึ่งคือ สำนวน “ฝากเนื้อไว้กับเสือ ฝากปลา (ย่าง) ไว้กับแมว”
ที่มา : คงรู้จักภาชนะที่เรียกว่า “หวด” ที่ใช้สำหรับนึ่งข้าวเหนียวของชาวอีสาน สำนวนนี้เกิดจากอาการของแมวที่ลงไปนอนในหวดนึ่งข้าวเหนียวซึ่งมีลักษณะโค้ง งอ เวลาแมวลงไปนอนในหวดแล้วแมวต้องนอนงอตัวให้โค้งไปตามรูปร่างของหวด มองดูเผินๆ เหมือนว่าแมวนอนสบาย แต่จริงๆ แล้วแมวนอนในหวดอย่างลำบาก แต่แกล้งทำให้ดูเหมือนว่านอนสบาย
ความหมาย : แกล้ง ทำเป็นซื่อ จริงใจ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ซื่อใช้เปรียบเปรยประชดประชันคนที่แกล้งทำเป็นคนซื่อตรง แต่ความจริงแล้วไม่ได้ซื่อเหมือนอย่างที่มองเห็นเลย ใครมีลักษณะแบบนี้คงคบหาสมาคมด้วยไม่ได้ เพราะขาดความจริงใจ
***************************************************************
>>> อีกสำนวนหนึ่งคือ สำนวน “ฝากเนื้อไว้กับเสือ ฝากปลา (ย่าง) ไว้กับแมว”
ที่มา :
ก็
แหม… ไปฝากของชอบไว้กับผู้ที่ชอบสิ่งนั้นแล้วจะไปเหลืออะไร เนื้อสัตว์ทุกชนิดเป็นของชอบของเสืออยู่แล้ว
ส่วนปลา (ย่าง) ก็ของชอบของเจ้าแมวเหมียว ฝากแล้วจะไปเอาคืนน่ะเหรอ
เสือก็กินเนื้อหมดแล้ว แมวก็กินปลา (ย่าง) หมดแล้วเหมือนกัน
ความหมาย : สำนวน นี้ใช้ในโอกาสที่ฝากสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้กับผู้ที่ชอบสิ่งนั้น แน่นอนว่าย่อมสูญหายไม่ได้คืน จึงเตือนใจไว้ว่า ไม่ควรฝากไว้เป็นอันขาด
******************************************************************
ความหมาย : สำนวน นี้ใช้ในโอกาสที่ฝากสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้กับผู้ที่ชอบสิ่งนั้น แน่นอนว่าย่อมสูญหายไม่ได้คืน จึงเตือนใจไว้ว่า ไม่ควรฝากไว้เป็นอันขาด
******************************************************************
>>> ปิดท้ายสำนวนไทยที่เกี่ยวกับแมวกับสำนวน “หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว”
ที่มา :
แมว
นั้นชอบกินปลาอยู่แล้ว แม้เจ้าของจะให้กินปลาจนอิ่มแล้วก็ตาม แต่ถ้าเผลอมันก็แอบขโมยปลากินอีก
และถ้าเจ้าของแกล้งเอาปลาย่างหรือปิ้งประชดให้มันกินอีก เพราะคิดว่ามันจะอายหรือกระดากใจไม่กล้ากินแต่มันก็กินจนหมดอีกนั่นล่ะ
ความหมาย : ทำ อะไรหรือทำสิ่งใดเป็นการประชดประชัน ทำกระทบกระแทกแดกดัน มีแต่จะเสียประโยชน์เปล่าๆ เพราะคนที่เราแกล้งประชดประชัน เขาไม่สนใจไม่รู้เรื่องที่เราทำประชดเขาหรอก
*****************************************************************
ความหมาย : ทำ อะไรหรือทำสิ่งใดเป็นการประชดประชัน ทำกระทบกระแทกแดกดัน มีแต่จะเสียประโยชน์เปล่าๆ เพราะคนที่เราแกล้งประชดประชัน เขาไม่สนใจไม่รู้เรื่องที่เราทำประชดเขาหรอก
*****************************************************************
>>> ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ที่มา : ถ้าอธิบายแบบวิทยาศาสตร์ก็ต้องบอกว่า เป็นวงจรชีวิตของสัตว์ทั่วไปที่ปลาตัวใหญ่ย่อมต้องกินปลาตัวเล็กเป็นอาหาร เพื่อความอยู่รอด แต่ถ้ามาเป็นสำนวนเปรียบเทียบกับคนแล้วกลับกลายเป็นการแสดงความเอาเปรียบข่ม เหงรังแก คนที่ตัวใหญ่กว่าชอบข่มแหงรังแกคนที่ตัวเล็กกว่า
ความหมาย : คนที่มีอำนาจหรือผู้ใหญ่ที่ชอบข่มแหงหรือรังแกผู้น้อยหรือผู้ที่อ่อนแอกว่า
*****************************************************************
ที่มา : ถ้าอธิบายแบบวิทยาศาสตร์ก็ต้องบอกว่า เป็นวงจรชีวิตของสัตว์ทั่วไปที่ปลาตัวใหญ่ย่อมต้องกินปลาตัวเล็กเป็นอาหาร เพื่อความอยู่รอด แต่ถ้ามาเป็นสำนวนเปรียบเทียบกับคนแล้วกลับกลายเป็นการแสดงความเอาเปรียบข่ม เหงรังแก คนที่ตัวใหญ่กว่าชอบข่มแหงรังแกคนที่ตัวเล็กกว่า
ความหมาย : คนที่มีอำนาจหรือผู้ใหญ่ที่ชอบข่มแหงหรือรังแกผู้น้อยหรือผู้ที่อ่อนแอกว่า
*****************************************************************
>>> ต่อมาอีกสำนวน คือ ปลาหมอตายเพราะปาก
ที่มา : สำนวน นี้มาจากธรรมชาติของปลาที่ชอบผุดจากน้ำขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ ปลาหมอเป็นปลาที่คนนิยมกินเพราะขนาดตัวกำลังดี และที่สำคัญปลาหมอชอบผุดขึ้นมาเล่นน้ำอย่างชุกชุมในบริเวณที่คนสังเกตเห็น ได้ ก็เลยไม่ต้องเสียเวลามาก หย่อนเบ็ดที่ปลาหมอชอบผุดขึ้นมา ก็ได้ปลาหมอมาทำอาหารอย่างแน่นอน
ความหมาย : สำนวน ปลาหมอตายเพราะปากนี้ จึงใช้เปรียบกับคนที่พูดมาก อาจตายเพราะปากได้ หรือ หมายถึง คนที่ชอบพูดพล่อยๆ จนตัวเองได้รับความเดือดร้อน
*********************************************************************
>>> ส่วนสำนวน งูๆ ปลาๆ
ที่มา : อาจ จะเกิดจากลักษณะของงูกับปลาไหลที่มีลำตัวยาวๆ คล้ายกัน คนที่ไม่สังเกตก็อาจจะแยกความแตกต่างของงูกับปลาไหลไม่ค่อยได้หรืออาจจะแค่ แยกได้ว่าตัวนี้เป็นงูตัวนี้เป็นปลาไหลเท่านั้นเอง จึงเรียกว่ารู้แบบงูๆ ปลาๆ รู้นิดหน่อยเท่านั้นเอง
ความหมาย : มีความรู้เพียงเล็กน้อยหรือรู้ไม่จริงจะทำสิ่งใดทำอะไรก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่
*********************************************************************
ที่มา : สำนวน นี้มาจากธรรมชาติของปลาที่ชอบผุดจากน้ำขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ ปลาหมอเป็นปลาที่คนนิยมกินเพราะขนาดตัวกำลังดี และที่สำคัญปลาหมอชอบผุดขึ้นมาเล่นน้ำอย่างชุกชุมในบริเวณที่คนสังเกตเห็น ได้ ก็เลยไม่ต้องเสียเวลามาก หย่อนเบ็ดที่ปลาหมอชอบผุดขึ้นมา ก็ได้ปลาหมอมาทำอาหารอย่างแน่นอน
ความหมาย : สำนวน ปลาหมอตายเพราะปากนี้ จึงใช้เปรียบกับคนที่พูดมาก อาจตายเพราะปากได้ หรือ หมายถึง คนที่ชอบพูดพล่อยๆ จนตัวเองได้รับความเดือดร้อน
*********************************************************************
>>> ส่วนสำนวน งูๆ ปลาๆ
ที่มา : อาจ จะเกิดจากลักษณะของงูกับปลาไหลที่มีลำตัวยาวๆ คล้ายกัน คนที่ไม่สังเกตก็อาจจะแยกความแตกต่างของงูกับปลาไหลไม่ค่อยได้หรืออาจจะแค่ แยกได้ว่าตัวนี้เป็นงูตัวนี้เป็นปลาไหลเท่านั้นเอง จึงเรียกว่ารู้แบบงูๆ ปลาๆ รู้นิดหน่อยเท่านั้นเอง
ความหมาย : มีความรู้เพียงเล็กน้อยหรือรู้ไม่จริงจะทำสิ่งใดทำอะไรก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่
*********************************************************************
>>> สำหรับสำนวน จับปลาสองมือ
ที่มา : สำนวนนี้มาจากการจับปลาที่หมายถึงการใช้มือทั้งสองข้างจับปลาตัวเดียวซึ่งจะ
จับได้แน่น ปลาก็ไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้ แต่จับปลาสองมือ สำนวนนี้ หมายถึง ใช้มือขวาจับปลาหนึ่งตัวและใช้มือซ้ายจับปลาอีกหนึ่งตัว
อาจจะเป็นเพราะความโลภที่อยากได้ปลาสองตัวพร้อมๆ กัน ท้ายที่สุดปลาก็ดิ้นหลุดมือไปทั้งสองตัว
ความหมาย : การ ทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกัน อาจจะได้ผลไม่เต็มที่หรือออาจจะไม่ได้ผลเลย มักใช้ตำหนิคนที่จับงานโน้นทีจับงานนี้ที อาจเกิดความเสียหายกับงานได้ไม่มีงานใหนสำเร็จซักงานเดียว
*********************************************************************
>>> ปิดท้ายสำนวนไทยที่เกี่ยวกับปลา เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
ที่มา : มา จากบางคนที่ไม่ยอมกินปลาไหลเพราะเกลียดที่ปลาไหลมีลักษณะเหมือนงู แต่ถ้าเอาปลาไหลมาแกงก็สามารถตักน้ำแกงมาซดกินได้หน้าตาเฉย เพราะน้ำแกงจากปลาไหลนั้นรสชาติอร่อยแม้จะไม่ชอบตัวปลาไหลแต่ก็กินน้ำแกงปลา ไหลได้
ความหมาย : สำนวนนี้ใช้ในกรณี ที่เกลียดหรือไม่ชอบสิ่งใด แต่ก็ยังไปเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น เพราะตัดไม่ขาดจริงเหมื่อนเกลียดปลาไหลแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะซดน้ำแกงจากปลา ไหล
****************************************************************
ก. นำหลักคำสอนมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ข. ทำให้ทราบความหมายของแต่ละสำนวน
ค. ช่วยกัดเกลานิสัยของเยาว์ชนให้อยู่ในกรอบ
และมีระเบียบมากขึ้น
ง. ถูกทุกข้อ
แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ
ความหมาย : การ ทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกัน อาจจะได้ผลไม่เต็มที่หรือออาจจะไม่ได้ผลเลย มักใช้ตำหนิคนที่จับงานโน้นทีจับงานนี้ที อาจเกิดความเสียหายกับงานได้ไม่มีงานใหนสำเร็จซักงานเดียว
*********************************************************************
>>> ปิดท้ายสำนวนไทยที่เกี่ยวกับปลา เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
ที่มา : มา จากบางคนที่ไม่ยอมกินปลาไหลเพราะเกลียดที่ปลาไหลมีลักษณะเหมือนงู แต่ถ้าเอาปลาไหลมาแกงก็สามารถตักน้ำแกงมาซดกินได้หน้าตาเฉย เพราะน้ำแกงจากปลาไหลนั้นรสชาติอร่อยแม้จะไม่ชอบตัวปลาไหลแต่ก็กินน้ำแกงปลา ไหลได้
ความหมาย : สำนวนนี้ใช้ในกรณี ที่เกลียดหรือไม่ชอบสิ่งใด แต่ก็ยังไปเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น เพราะตัดไม่ขาดจริงเหมื่อนเกลียดปลาไหลแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะซดน้ำแกงจากปลา ไหล
****************************************************************
1. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของสำนวนได้ถูกต้อง
ก.
ถ้อยคำในภาษาไทยที่ใช้ในการพูดจาสื่อสารกัน โดยมีความหมายเป็นนัย
ไม่แปลความหมายของคำตรงตัว
ข. ถ้อยคำในภาษาไทยที่ใช้ในการเปรียบเทียบกับการกระทำของมนุษย์
ค. ถ้อยคำที่มนุษย์ใช้เพื่อการสื่อสารและโต้ตอบซึ่งกันและกัน
ง. ถ้อยคำที่เรียงกันแล้วเกิดความหมาย
2. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของสุภาษิตได้ถูกต้อง
ไม่แปลความหมายของคำตรงตัว
ข. ถ้อยคำในภาษาไทยที่ใช้ในการเปรียบเทียบกับการกระทำของมนุษย์
ค. ถ้อยคำที่มนุษย์ใช้เพื่อการสื่อสารและโต้ตอบซึ่งกันและกัน
ง. ถ้อยคำที่เรียงกันแล้วเกิดความหมาย
2. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของสุภาษิตได้ถูกต้อง
ก. คำที่มีความหมายลึกซึ่ง อ่านแล้วไม่สามารที่จะเข้าใจได้ทันที
ข. คำที่มีความหมายเชิงเปรียบเทียบ
ค. คำกล่าวที่ดีงามมีความหมายลึกซึ่ง เป็นคติสอนใจ
อ่านแล้วเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องแปลความหมาย
ง. สำนวนที่ใช้ถ้อยคำสละสลวย
3. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของคำพังเพยได้ถูกต้อง
ข. คำที่มีความหมายเชิงเปรียบเทียบ
ค. คำกล่าวที่ดีงามมีความหมายลึกซึ่ง เป็นคติสอนใจ
อ่านแล้วเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องแปลความหมาย
ง. สำนวนที่ใช้ถ้อยคำสละสลวย
3. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของคำพังเพยได้ถูกต้อง
ก. ถ้อยคำที่ใช้ในการสั่งสอนการกระทำของมนุษย์
ข. ถ้อยคำที่เรียบเรียงขึ้นมาเป็นความหมายกลาง ๆ คือ ไม่เน้นการสั่งสอน
แต่ก็แฝงคติเตือนใจ
ค. ถ้อยคำที่ใช้ในการกล่าวตักเตือนเพื่อมนุษย์ด้วยกัน
ง. ถ้อยคำที่นำมาเรียงกันแล้วเกิดความหมาย
4. ฝนตกขี้หมูไหล หมายถึงข้อใด
ข. ถ้อยคำที่เรียบเรียงขึ้นมาเป็นความหมายกลาง ๆ คือ ไม่เน้นการสั่งสอน
แต่ก็แฝงคติเตือนใจ
ค. ถ้อยคำที่ใช้ในการกล่าวตักเตือนเพื่อมนุษย์ด้วยกัน
ง. ถ้อยคำที่นำมาเรียงกันแล้วเกิดความหมาย
4. ฝนตกขี้หมูไหล หมายถึงข้อใด
ก. เพียรพยายาม สุดความสามารถจนกว่าจะสำเร็จผล
ข. พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน มักใช้เข้าคู่กับ คนจัญไรมาพบกัน
ค. ยุให้แตกกัน ยุให้ผิดใจกัน
ง. ถ้าคนพาลมาหรือทำร้าย ก็ไม่ควรโต้ตอบกลับ
5.ประโยชน์ที่ได้รับจากสำนวนไทย
ข. พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน มักใช้เข้าคู่กับ คนจัญไรมาพบกัน
ค. ยุให้แตกกัน ยุให้ผิดใจกัน
ง. ถ้าคนพาลมาหรือทำร้าย ก็ไม่ควรโต้ตอบกลับ
5.ประโยชน์ที่ได้รับจากสำนวนไทย

ข. ทำให้ทราบความหมายของแต่ละสำนวน
ค. ช่วยกัดเกลานิสัยของเยาว์ชนให้อยู่ในกรอบ
และมีระเบียบมากขึ้น
ง. ถูกทุกข้อ
แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น